ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากการกำหนดเป้าหมายเชิงนโยบายที่มุ่งมั่นในการพลิกโฉมแหล่งท่องเที่ยวเชิงพฤกษศาสตร์ ให้กลายเป็น "ห้องปฏิบัติการเพื่อความยั่งยืนที่มีชีวิต (Living Lab)" แห่งแรกของประเทศไทย ที่ได้บูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้เข้ากับแนวคิดเศรษฐกิจ BCG และการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยว เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2570

▶แนวปฏิบัติที่เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตานานาชาติ ประกอบด้วย:

▶การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม "Rajapruek BioSoul": อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ประสบความสำเร็จในการจัดการขยะอินทรีย์จากพรรณไม้ในพื้นที่ 100% ไม่ให้ถูกนำไปฝังกลบ โดยผ่านกระบวนการแปรรูปเป็นนวัตกรรม "Rajapruek BioSoul" ซึ่งเป็นการผสมผสานปุ๋ยหมักกับไบโอชาร์ (Biochar) ที่มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของดิน ลดการใช้สารเคมี และที่สำคัญอย่างยิ่งคือความสามารถในการ กักเก็บคาร์บอนในระยะยาว อย่างเป็นระบบและเป็นวิทยาศาสตร์

▶การมีส่วนร่วมของสาธารณชน: มีการยกระดับการจัดการสวนสู่ความเป็นเลิศด้านสิ่งแวดล้อม โดยเน้นให้ผู้มาเยือนมีส่วนร่วมในกิจกรรม Low-Carbon Tourism ที่สร้างความตระหนักรู้และเปลี่ยนนักท่องเที่ยวให้เป็น "ผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง (Changemakers)"

▶การขยายผลสู่พื้นที่สูงด้วยโมเดลความสำเร็จด้าน Low-Carbon งานนิเวศบริการ ป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง และการทำปุ๋ยหมัก ไบโอชาร์ ได้ถูกนำไปถ่ายทอดองค์ความรู้และขยายผลอย่างต่อเนื่องให้กับโรงเรียน ชุมชน และจังหวัดต่างๆ ในพื้นที่ซึ่งเป็นพื้นที่ดำเนินงานของสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) กว่า 20 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อสร้างพลังแห่งการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์อย่างยั่งยืนในระดับพื้นที่

การได้รับรางวัลครั้งนี้ จึงเป็นเครื่องชี้วัดที่ชัดเจนถึงความเป็น องค์กรต้นแบบที่มุ่งมั่นทำงานอย่างเป็นระบบ ตามเจตนารมณ์เพื่อส่งต่อโลกที่สมดุลและสวยงามให้กับคนรุ่นต่อไป

ความสำเร็จร่วมของชาติกับ 10 แหล่งท่องเที่ยวไทย ที่ได้คว้ารางวัล นอกเหนือจากอุทยานหลวงราชพฤกษ์แล้ว ประเทศไทยยังได้รับความสำเร็จในเวที 2025 Green Destinations Top 100 Stories รวมทั้งสิ้น 10 แห่ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่แข็งแกร่งของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของประเทศไทยสู่สายตาสากล ☀☀